“เติบโตอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานบริหารจัดการองค์กรมุ่งสู่ความเป็นเลิศเชิงนิเวศเศรษฐกิจ”
ในรอบปีที่ผ่านมาธุรกิจของ FPI มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
ผ่านการขยายช่องทางการค้าและการพัฒนาสินค้าหรือบริการให้มีมูลค่าเพิ่มจากการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติ นำไปสู่การรักษาลูกค้าทั้งในและต่างประเทศอย่างยั่งยืน ส่งผลต่อรายได้ 2,679.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.43 และกำไรสุทธิ 512.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.17 จากปี พ.ศ.2564 ตามลำดับ
ทิศทางการดำเนินธุรกิจสีเขียว FPI ร่วมกับพันธมิตรในระดับสากลทั้ง SBTi, CDP ,UN ตามความ
ตกลงปารีส ในการแสดงความมุ่งมั่นลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานขององค์กร (Scope 1, 2 และ 3) โดยได้อนุมัติเป้าหมายระยะสั้นในการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.50 องศาเซลเซียสตามมาตรฐาน SBTi และได้รับการรับรองเป้าหมายระยะยาวในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) จากความร่วมมือของ TGO กับ Climate Neutral Now ภายใต้ UNFCCC ในปี 2565 ภาพรวมของปริมาณก๊าซเรือนกระจกลดลงร้อยละ 35.59 จากปีฐาน 2559
ความท้าทายของโลกไม่ว่าจะเป็นปัญหาทรัพยากรขาดแคลน ภาวะโลกร้อน การจัดการของเสียและเทคโนโลยียานยนต์ ปัจจัยดังกล่าวเป็นตัวเร่งสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า นำมาสู่การสร้างความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มในการปรับตัวเข้าสู่โมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model) ในการสร้างการรับรู้ทางการค้าสีเขียวผ่านการพัฒนาผลิตภัณพ์ใหม่ อาทิ สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าและการพัฒนาระบบการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการสร้างความสมดุลภายในห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจตามมิติเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม พลังงานและสังคมตามเป้าหมายหลักในการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG 7, SDG 9, SDG 12 และ SDG 13 เป้าหมายรองในการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG 4, SDG 6, SDG 8 และ SDG 17
แนวทางการตอบสนองความท้าทายของโลกพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจขององค์กรที่ ค่าแฟคเตอร์ความยั่งยืน 1.50 ซึ่งเป็นการประเมินองค์กรในการพัฒนาสังคมไปสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืนมากกว่าปีฐาน 1.50 เท่าจากการเพิ่ม EBITDA ควบคู่กับการใช้ทรัพยากรจากภายนอกให้น้อยที่สุดตามเป้าหมายบริหารจัดการปริมาณปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงประมาณร้อยละ 40.00 และ EBITDA เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 60.00 โดยมุ่งเน้นการออกแบบระบบการผลิตและผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดขยะและมลพิษในระบบน้อยที่สุด รักษาวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบให้หมุนเวียนในระบบให้นานที่สุด ผ่านการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในการรักษาความสมดุลของคุณค่าต่อผู้มีส่วนได้เสียและพัฒนาคุณภาพชีวิตและประโยชน์ของสังคมในวงกว้าง ในปี 2565 ค่าประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจเพิ่มเป็น 83,570.00 บาทต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 1.00 tonCO2eq จากค่าประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ 55,710.00 บาทต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 1.00 CO2 eq ปีฐาน 2559 ที่ค่าแฟคเตอร์ความยั่งยืน 1.31
คณะกรรมการบริษัทฯ ผู้บริหารและพนักงานทุกระดับมีความมุ่งมั่นในการยกระดับการพัฒนาองค์กรตามแนวคิดโมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model) ส่งผลต่อการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา FPI ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติตามตัวชี้วัดธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืน (Low Carbon and Sustainable Business :LCSB) ระดับโดดเด่นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากอบก. และรางวัลเชิดชูเกียรติ PM’s EXPORT AWARD 2565 ประเภท BEST OF THE BEST นับเป็นปีแรกที่กระทรวงพาณิชย์จัดประกวดจากบริษัทฯ ทั้งหมดที่เคยได้รับรางวัลมาตลอด 30 ปีในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีการดำเนินธุรกิจตามบริบทโลกยุคใหม่ (Next Normal) อาทิ การออกแบบ, นวัตกรรม, การสร้างแบรนด์ และการพัฒนาตามแนวทางเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG) รวมถึงการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาสู่ความยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ในระดับผลิตภัณฑ์กลุ่มกันชนหน้ากระบะขนาด 1.00 ตัน ชนิดพลาสติก PP ได้รับฉลากผลิตภัณฑ์หมุนเวียน Circular Mark เป็นฉลากที่พิจารณาข้อกำหนดที่ครอบคลุมประเด็นปัญหาการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง การเกิดขยะ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก และ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้านอื่นๆ โดยตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ตามหลัก 12 Rs และ Circular Economy Upcycle เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เม็ดพลาสติกรีไซเคิล 100.00% ในการผลิตโดยไม่มีการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในกระบวนการผลิตความร้อนและความเย็นถือเป็นผู้ประกอบการกลุ่มแรกของประเทศไทย
สุดท้ายนี้ในนามของคณะกรรมการบริษัท ขอขอบคุณ ผู้ถือหุ้น ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมาตลอด 30 ปีที่ผ่านมา และขอขอบคุณพนักงานทุกคนที่ช่วยสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างคุณค่าต่อผู้มีส่วนได้เสียอย่างยั่งยืนในการยกระดับคุณภาพของคนในสังคมบนพื้นฐานของการกำกับดูแลกิจการที่ดีสู่ความยั่งยืน
…………………………………
นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์
ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ